อันนี้เป็นบันทึกส่วนตัวนะครับ
เหมือนเป็นกระดาษจดไอเดีย
เกี่ยวกับคอร์สที่ผมจะทำขึ้นเป็นระบบการเรียนรู้ด้วยตัวเอง
ถ้าสนใจลองดูหัวข้อคร่าวๆได้ครับว่าผมจะสอนไปในแนวทางไหนบ้าง
---------------------------------------------------------------------------------
จิ๊ก หลี เม้ง แปะ หลี๊ ทง
- ถ้าเราเข้าใจเหตุผลอย่างชัดเจน ร้อยปัญหาก็แก้ไขได้หมด : ตัน ภาสกรนที
หลักการนี้ใช่เลย
คำๆนี้มาจากคุณตัน สมัยเด็กพ่อสอนเรียนลูกคิด
พอรู็หลักการคิด โจทย์กี่ร้อยข้อก็ทำได้หมด
เหมือนการเขียนโปรแกรมเป๊ะเลย
ขอแค่รู้วิธีคิด ไม่ต้องรู้คำสั่งด้วยซ้ำ
โจทย์กี่ร้อยข้อก็ทำได้หมดจริงๆ
ตรงกันข้าม ต่อให้รู้คำสั่งเป็นร้อยๆ
แต่วิธีคิดผิด โจทย์ข้อเดียวก็ทำไม่ได้!!!!!
skill สำคัญกว่าความรู้ เพราะความรู้มีอยู่ใน google !!!!
รู้เยอะดีมั้ย - ดีครับ แต่ไม่ได้แปลว่าคือทั้งหมด
เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องรอรู้เยอะ ถึงจะทำได้
เริ่มสร้าง skill สำคัญกว่ามาก
รู้น้อย + skill น้อย = จบข่าว
รู้เยอะ + skill น้อย = ทำอะไรไม่ค่อยได้
รู้น้อย + skill เยอะ = เรียนรู้ได้
รู้เยอะ + skill เยอะ = ฉุดไม่อยู่แล้ว
---------------------------------------------------------------------------------
เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องรอรู้เยอะ ถึงจะทำได้
เริ่มสร้าง skill สำคัญกว่ามาก
รู้น้อย + skill น้อย = จบข่าว
รู้เยอะ + skill น้อย = ทำอะไรไม่ค่อยได้
รู้น้อย + skill เยอะ = เรียนรู้ได้
รู้เยอะ + skill เยอะ = ฉุดไม่อยู่แล้ว
---------------------------------------------------------------------------------
skill ที่จำเป็นในการเขียนโปรแกรม
- 4 google skill
- 3 copy paste skill
- 2 debug skill
- 1 logic skill
skill hi class
- database skill
- analysis skill (การคิด algolithm เพื่อแก้ปัญหา)
ระบบการเรียนรู้ด้วยตัวเอง [All work is you]
เขียนโปรแกรมง่ายมาก
- เพียง skill ไม่ต้องใช้ความจำเลยยยยยยยย
- เหมือภาษาคนแต่ง่ายกว่าเยอะ
- grammar น้อยมาก
- จากคนทำไม่ได้เลย แค่คืนเดียวก็คำแนนเต็มได้
- คำตอบตายตัว 100 คนทำ output เท่ากัน
อนาคตภาษาคอมพิวเตอร์จะกลายเป็นภาษากลางที่ใช้สื่อสาร
การสื่อสารระหว่างคนกับคอมพิวเตอร์จะเยอะขึ้นเรื่อยๆ ใครรู้ได้เปรียบ
การฝึกวิธีคิดสำหรับเด็ก
การพัฒนาทักษะ สำหรับผู้ใหญ่
อาชีพที่ดี มีอนาคต
กฎเหล็ก
- ทำโจทย์เยอะ
- โจทย์ง่ายที่เราทำได้ เพื่อฝึกทักษะ
- เรียนจากการทำ ไม่ได้อะไรจากการดูอย่างเดียว
- vdo / text ที่ทำตามได้ อยู่ที่ copy paste skill level ไหน
- การเรียบเรียงความคิด ลงกระดาษ
เงินเดือน/รายได้ ของโปรแกรมเมอร์
level คร่าวๆ ของ แต่ละ skill แบ่งเป็น 5 - 10 level
1.logic
- เรียนรู้ syntax เบื้องต้น
- การประกาศตัวแปร
- porperties
- คำสั่ง if วนหลูบ
- การเรียกใช้ function
- การแก้ไข โจทย์ปัญหา
- Flow chart
- ฝึกทักษะการคิด แก้โจทย์ง่ายๆได้
- เปรียบเทียบตัวเลข มากกว่าน้อยกว่า
- โปรแกรมคำนวนง่ายๆ แปลงหน่วย
- ฝึกทักษะการคิดแก้โจทย์ที่ซับซ้อนขึ้นมาหน่อย (มีการแตกโจทย์เป็นโจทย์ย่อย ต่างๆ)
- การหาจำนวนเฉพาะ
- ทำโจทย์พีระมิดขั้นต้น
- ไฮโล
- บับเบิ้ล ซอร์ท
- การเขียนโปรแกรมจาก อัลกอลิทึ่ม
- การสร้างอัลกอลึทึ่มเพื่อแก้โจทย์
- สร้างโปรแกรมเล็กๆ ขึ้นมาได้ (มีวิธีคิดที่เป็นระบบ)
- เครื่องคิดเลข
- เกมง่ายๆ
- การสร้างอัลกอลิทึ่มระดับสูง
- การสร้างโปรแกรมเพื่อใช้งานจริง
- Master of logic skill
2.debug
- อ่าน code ออก เข้าใจการทำงานเบื้องต้น
- no common sense (เคล็ดวิชาไร้ใจ)
- debug ด้วยโปรแกรม (เกือบทุกภาษามีเครื่องมือในการ debug)
- แกะ code ที่คนอื่นเขียนมา
- แกะ code ที่ซับซ้อน
- แกะ code เพื่อเอามาใช้กับ project ของเรา
- Master of debug skill
3.copy & paste (require lv3 Logic & debug skill)
- ศิลปะของการ copy code มาใช้
- การ copy code ที่คล้ายกันมาแก้
- การ copy function มาใช้
- การ copy code จาก google
- Master of copy & paste skill
4.google
- google รู้ทุกอย่าง / เราใช้ google ทำอะไรได้บ้าง
- หัดใช้ google ให้เป็น
- การหา code ที่ต้องการ / การสร้าง keyword
- เราจะหาอะไรจาก google
- นำสิ่งที่หาได้มาใช้อย่างไร
- การทำเรื่องใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อนด้วย google
- Master of google skill